พรีวิว : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอฟเวอร์ตัน

เวลา 23.00 น. วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ส (วอเตอร์ลูวิลล์)
ถ่ายทอดสด ยูบีซี 39
ความพร้อมของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่มีรุด ฟาน นิสเตลรอย ซึ่งติดโทษห้ามแข่งจากการได้รับใบเหลืองครบ 5 ใบ โดยหลุยส์ ซาฮา จะลงเล่นแทนที่ของดาวยิงดัตช์แมนในแผงกองหน้า ซึ่งถือเป็นการลงเล่นเป็นตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ชิพของกองหน้าผิวหมึก
เอฟเวอร์ตัน จะไม่มีทิม เคฮิลล์ และมิเกล อาร์เตต้า ที่ติดโทษห้ามแข่ง แต่นูโน่ วาเลนเต้ ฟูลแบ็กชาวโปรตุเกสจะกลับมาลงเล่นได้หลังจากหายจากอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า ในขณะที่ริชาร์ด ไรท์ จะได้ลงเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูแทนที่ของไนเจล มาร์ติน (โคนขาหนีบ) และแอนดี้ ฟาน เดอร์ เมย์เด้ (น่อง) จะไม่ได้ลงเล่น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ทิม โฮเวิร์ด, แกรี่ เนวิลล์, เวส บราวน์, มิเกล ซิลแวสตร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น โอเชีย, คีแรน ริชาร์ดสัน, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ปาร์ค จีซุง, พอล สโคลส์, อลัน สมิธ, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์, ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์, หลุยส์ ซาฮา, จูเซ็ปเป้ รอสซี่
เอฟเวอร์ตัน ริชาร์ด ไรท์, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, โจเซฟ โยโบ, เดวิด เวียร์, นูโน่ วาเลนเต้, ฟิล เนวิลล์, ลีออน ออสแมน, เควิน คิลเบน, ไซม่อน เดวี่ส์, มาร์คัส เบนท์, เจมส์ บีทตี้, ดันแคน เฟอร์กูสัน, เจมส์ แม็คฟาดเด้น, เอียน เทิร์นเนอร์, เปอร์ โครลดรุป, หลี่ เถีย
สัมภาษณ์ก่อนเกม
คาร์ลอส เครอซ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด :
“คุณจะต้องพร้อมที่จะกลับมาหลังจากช่วงเวลาเลวร้ายทั้งหลาย, ยอมรับคำพากษ์วิจารณ์ และเรียนรู้จากมัน ในเวลานี้เราเป็นรองจ่าฝูงของพรีเมียร์ชิพ และยังได้ลงเล่นในคาร์ลิ่ง คัพ และเอฟเอ คัพ นั่นเป็นสถานการณ์ที่เราสามารถควบคุมได้ และเมื่อถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลแล้วเท่านั้นที่คุณจะสามารถตัดสินว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จหรือไม่”
เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตัน กล่าวถึงการพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากการตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก :
“ผมไม่รู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ถูกหรือผิดที่ไปเยือนพวกเขาในตอนนี้ เราไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากไปที่นั่นและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ สิ่งที่เขียนถึงเซอร์ อเล็กซ์ บางเรื่องที่ผมเห็นทำให้ผมประหลาดใจ คนในวงการฟุตบอลรู้ดีว่าเขาคือสุดยอดที่สุดแล้ว”
ข้อมูลของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้อนรับเอฟเวอร์ตัน สู่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในการเล่นพรีเมียร์ชิพวันอาทิตย์ โดยเป็นการลงเล่นเกมแรกหลังจากตกรอบในฟุตบอลยุโรป นักเตะจะลงเล่นอย่างไรหลังจากไม่สามารถไปถึงรอบน็อกเอาท์ ของแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 11 ฤดูกาล และกล่าวกันว่าเป็นช่วงเวลากำหนดโชคชะตาอาชีพผู้จัดการทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ก่อนเกมในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ปิศาจแดง อยู่ในอันดับที่ 2 ของตารางพรีเมียร์ชิพ โดยตามหลังเชลซี 10 คะแนน แต่ลงเล่นน้อยกว่า 1 นัด พวกเขากำลังจะทำสถิติชนะ 5 นัดรวดในลีก แต่พวกเขาคว้าชัยชนะในการลงเล่นที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เพียงครึ่งเดียวของการเล่นเกมเยือน (3 ต่อ 6) และหากแพ้ในนัดนี้จะเป็นการพ่ายแพ้นัดที่ 600 ในลีกช่วงหลังสงครามโลก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะทำสถิติชนะทั้งเกมเหย้าและเกมเยือนในพรีเมียร์ชิพเป็นฤดูกาลที่ 9 ในการลงเล่นกับเอฟเวอร์ตัน โดยเอาชนะในเกมเยือนได้ 2-0 ในนัดเปิดฤดูกาลเมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งเวย์น รูนี่ย์ ทำประตูทีมเก่าได้ด้วย หลังจากรุด ฟาน นิสเตลรอย ทำประตูแรกของเกม ปิศาจแดง เอาชนะเอฟเวอร์ตัน ทั้งเกมเหย้าและเกมเยือนในฤดูกาลเดียวกันได้ 13 ครั้ง นับตั้งแต่พวกเขาพบกันในลีกเป็นครั้งแรกในปี 1892
เอฟเวอร์ตัน อาจจะมีเกมรุกที่ย่ำแย่ที่สุดในลีกโดยทำได้โดยเฉลี่ย 1 ประตูในทุก 2 นัด (7 ประตูจาก 14 นัด) แต่ฟอร์มการเล่นทีย่ำแย่ในตอนต้นฤดูกาลเริ่มดีขึ้นแล้ว ทีมจากถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์ชนะ 4 นัดจาก 5 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ และชัยชนะ 3 นัดในเกมเยือนก็เท่ากันกับที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยชนะได้ในโรงละครแห่งความฝัน
ทีมของเดวิด มอยส์ ไม่เสียประตูเพียงนัดเดียวใน 9 นัดแรกของพรีเมียร์ชิพ ในตอนนี้พวกเขาไม่เสียประตู 4 นัดจาก 5 นัดหลังสุด นัดเดียวที่ทำไมได้คือเกมที่แพ้ 4-0 ในเกมเยือนเวสต์ บรอม เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน
ทีมจากถิ่นเมอร์ซี่ย์ไซด์แพ้ 10 นัดและเสมอ 2 นัดในการมาเยือนโรงละครแห่งความฝัน 12 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ นั่นรวมถึงเกมที่เสมอกันแบบไร้สกอร์ในฤดูกาลที่แล้ว ชัยชนะเพียงนัดเดียวของเอฟเวอร์ตัน ในพรีเมียร์ชิพที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด คือเกมนัดเปิดสนามเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1992 ซึ่งพวกเขาเอาชนะไปได้ 3-0
ฟอร์มการเล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่อันดับที่ 2 มี 30 คะแนน (ก่อนทุกทีมลงเล่นในสุดสัปดาห์นี้), ชนะในพรีเมียร์ชิพ 4 นัดหลังสุด ได้แก่ เชลซี (1-0 เหย้า), ชาร์ลตัน (3-1 เยือน), เวสต์ แฮม (2-1 เยือน) และปอร์ทสมัธ (3-0 เหย้า), การชนะรวดเกิน 4 นัดในพรีเมียร์ชิพครังหลังสุดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 15 มกราคม ถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งชนะรวด 6 นัด, ชนะ 6 นัดจาก 8 นัดหลังสุดในลีก, แพ้ 1 นัดจาก 8 นัดหลังสุดในลีก, ทำประตูได้ทุกนัดในเกมลีก 9 นัดหลังสุด, ทำประตูไม่ได้ 1 นัดจาก 14 นัดในลีก (เสมอกับลิเวอร์พูล 0-0 เมื่อวันที่ 18 กันยายน), เป็น 1 ใน 2 สโมสรที่ทำประตูไม่ได้เพียงนัดเดียวในพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้ อีกสโมสรหนึ่งคือเชลซี, ทำประตูไม่ได้เพียงนัดเดียวจาก 19 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ, ทำได้นัดละ 3 ประตูในเกมลีก 4 นัดในฤดูกาลนี้, ชนะทุกนัดที่เวย์น รูนี่ย์ ทำประตูได้ (ผ่านมาแล้ว 19 นัดทำได้ 24 ประตู,ในฤดูกาลนี้ 7 นัดทำได้ 7 ประตู), ผ่านมาแล้ว 9 นัดในลีกนับตั้งแต่เกมที่เสมอแบบไร้สกอร์, มีฟอร์มการเล่นดีที่สุดในครึ่งแรกในลีกฤดูกาลนี้ (ขึ้นนำ 8 นัด, เสมอกัน 3 นัด และตามหลัง 3 นัดในช่วงพักครึ่ง), มีนักเตะที่ลงเล่นทุกนัดในพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้มากที่สุด (9 คน), เสียประตูมากกว่าสโมสรอื่นในช่วง 5 นาทีแรกของเกมพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้ (3 ประตู), อยู่อันดับที่ 4 ของตารางฟอร์มการเล่น 6 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ ทำได้ 13 คะแนนจากทั้งหมด 18 คะแนน ตามหลังลิเวอร์พูล (18 คะแนน), และเชลซี กับอาร์เซน่อล (ทีมละ 13 คะแนน), ชนะในลีก 3 นัดที่ลงเล่นในบ้าน, ทำประตูไม่ได้ในเกมเหย้าในลีกเพียงนัดเดียวนับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม คือเกมที่เสมอแบบไร้สกอร์กับแบล็คเบิร์น เมื่อวันที่ 2 เมษายน, ทำได้นัดละ 1 ประตูในเกมลีกทุกนัดที่ลงเล่นในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในฤดูกาลนี้ จนกระทั่งในเกมนัดล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำได้ 3 ประตูในการพบกับปอร์ทสมัธ
เอฟเวอร์ตัน อยู่อันดับที่ 16 มี 16 คะแนน (ก่อนทุกทีมลงเล่นในสุดสัปดาห์นี้), ชนะในพรีเมียร์ชิพ 6 นัดในฤดูกาลนี้, นัดที่ไม่เสียประตูจะเก็บชัยชนะได้ทุกนัด นับรวมทุกรายการ (5 นัดในลีก, 1 นัดในยูฟ่า คัพ), ผ่านมาแล้ว 34 นัดในลีกนับตั้งแต่เกมที่เสมอแบบไร้สกอร์ (เกมเยือนแบล็คเบิร์น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ปีที่แล้ว), มีประตูเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยต่อนัดน้อยที่สุดในลีก โดยลงเล่น 14 นัด มีประตูเกิดขึ้นเพียง 23 ประตู (ได้ 7, เสีย 16), แพ้ 10 นัดจากเกมเยือน 13 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ชิพ, ทำประตูไม่ได้ในเกมเยือน 5 นัดจาก 8 นัดในลีกฤดูกาลนี้, ทำประตูไม่ได้ในเกมเยือน 8 นัดจาก 12 นัดหลังสุดในลีก, ไม่เสมอกันในเกมเยือน 14 นัดในลีกนับตั้งแต่เสมอกับเซาแธมป์ตัน 2-2 ที่สนามเซ็นต์ แมรี่ส์ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์
เกร็ดน่ารู้ของผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
มีเพียงประตูเดียวจาก 6 ประตูที่เวย์น รูนี่ย์ ทำได้ในพรีเมียร์ชิพฤดูกาลนี้ที่ทำได้ในเกมเหย้า
เวย์น รูนี่ย์ จะลงเล่นพบกับอดีตสโมสรต้นสังกัด
ผู้เล่นที่ติดโทษห้ามแข่ง รุด ฟาน นิสเตลรอย
เอฟเวอร์ตัน
ถ้าฟิล เนวิลล์ ได้ลงเล่น จะเป็นการพบกับอดีตสโมสรต้นสังกัด
ดันแคน เฟอร์กูสัน ขาดอีก 2 ประตูจะทำได้ครบ 100 ประตูในฟุตบอลลีกอังกฤษและสก็อตแลนด์
ถ้ามาร์คัส เบนท์ ได้ลงเล่น จะเป็นการลงเล่นนัดที่ 50 ในพรีเมียร์ชิพให้กับเอฟเวอร์ตัน
ถ้าเควิน คิลเบน ได้ลงเล่น จะเป็นการลงเล่นนัดที่ 350 ในลีกอาชีพ (เพรสตัน, เวสต์ บรอม, ซันเดอร์แลนด์ และเอฟเวอร์ตัน)
ถ้าไซม่อน เดวี่ส์ ได้ลงเล่น จะเป็นการลงเล่นนัดที่ 200 ในลีกอาชีพ (ปีเตอร์โบโร่, สเปอร์ส และเอฟเวอร์ตัน)
ถ้าอเลสซานโดร ปิสโตเน่ ได้ลงเล่น จะเป็นการลงเล่นนัดที่ 150 ในพรีเมียร์ชิพ (นิวคาสเซิล และเอฟเวอร์ตัน)
ผู้เล่นที่ติดโทษห้ามแข่ง มิเกล อาร์เตต้า, ทิม เคฮิลล์
ผลการแข่งขันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-0 เอฟเวอร์ตัน
วันที่ 30 สิงหาคม 2004
ผู้ตัดสิน : เดอร์ม็อต กัลลาเกอร์
ผลการแข่งขันที่พบกันนัดแรกในฤดูกาลนี้
เอฟเวอร์ตัน 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วันที่ 13 สิงหาคม 2005
ผู้ตัดสิน : เกรแฮม โพลล์
ผู้ทำประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด : ฟาน นิสเตลรอย น. 43, รูนี่ย์ น. 46
สถิติการพบกันทั้งหมด
ในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 65 ครั้ง, เอฟเวอร์ตัน ชนะ 52 ครั้ง, เสมอ 36 ครั้ง
ในพรีเมียร์ชิพ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 21 ครั้ง, เอฟเวอร์ตัน ชนะ 3 ครั้ง, เสมอ 3 ครั้ง
สถิติการพบกันในเกมเหย้าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในลีก แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 42 ครั้ง, เอฟเวอร์ตัน ชนะ 15 ครั้ง, เสมอ 19 ครั้ง
ในพรีเมียร์ชิพ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 10 ครั้ง, เอฟเวอร์ตัน ชนะ 1 ครั้ง, เสมอ 2 ครั้ง
DaKinG